Tuesday, November 29, 2016

อาคม ซิดนีย์-เพียงดิน รักไทย 30 พ.ย. 2559 ตอน เจ้าองค์ใหม่ vs รากปัญหาเก่าและวงจรอุบาทว์เดิม

อาคม ซิดนีย์-เพียงดิน รักไทย 30 พ.ย.  2559 

ตอน เจ้าองค์ใหม่ vs รากปัญหาเก่าและวงจรอุบาทว์เดิม


https://youtu.be/60B-vJ29NOY

https://youtu.be/vObXLyHFdDc

https://youtu.be/CxdUDEbaEcA

https://youtu.be/QsMPGOsXllc

https://youtu.be/kPWhLTK_lxk

https://youtu.be/ZGfDAZx3Flc

https://youtu.be/kPWhLTK_lxk


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt



ดร. เพียงดิน รักไทย 29 พ.ย. 2559 ตอน เรียบร้อย!! พระบรม ขึ้นเป็น ร. 10 มดแดงจะอวยช้างไหม?

ดร. เพียงดิน รักไทย 29 พ.ย.  2559 

ตอน เรียบร้อย!! พระบรม ขึ้นเป็น ร. 10 มดแดงจะอวยช้างไหม?

https://youtu.be/33ml-tn7idg

https://youtu.be/6BvQFkj1x20

https://youtu.be/khtN93NSAuA


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก





Monday, November 28, 2016

อาคม ซิดนีย์-ดร. เพียงดิน รักไทย กรณีวัดพระธรรมกย ความต่ำช้าและบาปหนาของเผด็จการไทย

อาคม ซิดนีย์-ดร. เพียงดิน รักไทย กรณีวัดพระธรรมกย ความต่ำช้าและบาปหนาของเผด็จการไทย
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้ง?¸




เอียวศรีวงศ์ : ประชาธิปไตยแบบไทย

เอียวศรีวงศ์ : ประชาธิปไตยแบบไทย
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 07:01:24 น.

ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คณะกรรมาธิการร่างก็ตั้งกันมาสำเร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะเดียวกันก็มีเสียงหนาหูจากกรรมาธิการบางคนว่า จะต้องกำหนดโน่นนี่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ล้วนฟังดูน่าอัศจรรย์พันลึกว่า หากคิดอย่างนี้ จะเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร

ท่านหัวหน้า คสช. แม้ไม่ได้มีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่ก็มีอำนาจที่จะกำหนดรูปร่างหน้าตาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้มาก ได้ปรารภกรอบของรัฐธรรมนูญใหม่ไว้ในคำปราศรัยเรื่องสิทธิเสรีภาพว่า "ประชาธิปไตยไทยนั้น ถ้าสอนให้คนรู้จักแต่สิทธิเสรีภาพ ไม่คำนึงถึงหน้าที่ ไม่รู้จักว่าผลประโยชน์แห่งชาติว่าอยู่ที่ไหน ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป... อย่าสอนให้เสรีมากนัก คำว่าเสรีต้องมีขีดจำกัด อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ต้องรู้จักหน้าที่..."

ตรงกับที่ประธานคณะกรรมาธิการเคยให้สัมภาษณ์ว่า ทำไมต้องไปลอกเลียนประชาธิปไตยของคนอื่น เราก็ควรมีประชาธิปไตยแบบไทยของเราเอง

หน้าของประชาธิปไตยแบบไทยเริ่มโผล่มาให้เห็นได้รางๆแล้ว

ทั้ง"ประชาธิปไตยแบบไทย" และ "สิทธิเสรีภาพกับหน้าที่" เป็นคาถาที่นักปราชญ์ไทยพูดกันมานานแล้ว ผมคิดว่าท่านเหล่านั้นออกจะสับสนกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่สับสนกับ "ประชาธิปไตย" อยู่มากทีเดียว

ก็จริงที่ว่าในความคิดของนักประชาธิปไตยตะวันตก ซึ่งนักร่างรัฐธรรมนูญไทยรังเกียจนั้น เขาคิดแต่ด้านเสรีภาพและขีดจำกัดของเสรีภาพ บุคคลพึงมีเสรีภาพอย่างไม่มีขีดจำกัดก็จริง แต่เสรีภาพของบุคคลนั้นอยู่ลอยๆ ไม่ได้ (มิฉะนั้นก็กลายเป็นเสรีภาพของซ่องโจร) ต้องตั้งอยู่บนเสรีภาพของสังคมซึ่งประกันเสรีภาพของบุคคลอีกทีหนึ่ง ดังนั้น การใช้เสรีภาพจึงมีขีดจำกัดที่การใช้จะไปละเมิดเสรีภาพของคนอื่นไม่ได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เสรีภาพของสังคมเป็นบรรทัดฐานที่เราต้องรักษาไว้ เพราะเสรีภาพของเราเองจะมีไม่ได้ หากเสรีภาพของสังคมถูกทำลายลงไป บุคคลจึงพึงเดือดร้อนเมื่อบุคคลอื่นถูกละเมิดเสรีภาพ เพราะย่อมกระเทือนต่อเสรีภาพของสังคม อันจะทำให้เสรีภาพของเราเองถูกคุกคามไปด้วย

คิดแต่ด้านเสรีภาพโดยไม่ต้องคิดด้านหน้าที่เลยก็ได้ เพราะในตัวของเสรีภาพล้วนๆ นี้ มีขีดจำกัดของเสรีภาพอยู่ด้วยแล้ว นั่นคือเสรีภาพของสังคม ซึ่งต้องผดุงรักษาไว้เหนืออื่นใด

หน้าที่ก็มีความสำคัญเหมือนกัน แต่กำหนดลงไว้ในกฎหมายได้ยาก เพราะฝรั่งคิดว่าหน้าที่นั้นเป็นสำนึก หากแปลภาษาไทยให้ตรง หน้าที่คือธรรมะ เช่น พลเมืองต้องเสียภาษีรายได้ แต่จะเสียเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ เป็นสำนึก ถึงกฎหมายกำหนดไว้อย่างไรก็มีช่องให้หลีกเลี่ยงจนได้ ดังนั้น รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยจึงไม่ต้องพูดถึงหน้าที่ พูดแต่เรื่องของสิทธิเสรีภาพ

ผมคิดว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะหากเอาหน้าที่มาถ่วงดุลเสรีภาพแล้ว เสรีภาพก็ไร้ความหมาย เพราะรัฐอาจมอบหมายหน้าที่ซึ่งทำลายเสรีภาพของสังคมให้แก่พลเมืองทุกคนต้องปฏิบัติ เช่น แจ้งความเคลื่อนไหวของปฏิปักษ์ทางการเมืองของผู้บริหารรัฐ ความสับสนเรื่องนี้ของนักปราชญ์ไทยจะเกิดโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่หากอยากได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจริง ต้องไม่สับสนตาม "ผู้ใหญ่" ไทย

จะพูดถึงประชาธิปไตยแบบไทยก็ได้เพราะมันน่าจะมีอยู่จริง เช่นเดียวกับประชาธิปไตยแบบฝรั่งเศส, แบบอังกฤษ, แบบอเมริกัน หรือแบบเยอรมนี ซึ่งไม่เหมือนกันเลย มีลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับสังคมวัฒนธรรมนั้นๆ (ตามสำนวนของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว) หรือเป็นไปตามประสบการณ์ของแต่ละสังคมซึ่งไม่เหมือนกัน ไม่มีใครคิดจะก๊อบปี้กระบวนการประชาธิปไตยของกันและกัน

แต่ต้องแยกให้ชัดระหว่างบรรทัดฐานหรือเป้าหมายของประชาธิปไตยกับกระบวนการประชาธิปไตยกระบวนการอาจปรับเปลี่ยนอย่างไรก็ได้ให้เหมาะกับประสบการณ์ของแต่ละสังคมแต่บรรทัดฐานหรือเป้าหมายของประชาธิปไตยนั้นตรงกัน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนกระบวนการก็มีขีดจำกัด คือจะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็ตาม แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับบรรทัดฐาน หรือทำให้บรรทัดฐานนั้นเป็นหมันไปโดยปริยาย

ผมจึงอยากพูดถึงบรรทัดฐานของประชาธิปไตยว่า อาจบรรลุได้ด้วยกระบวนการอย่างไรเป็นตัวอย่าง และกระบวนการชนิดไหนในแต่ละด้านที่ทำลายบรรทัดฐานไปโดยปริยาย



ประชาธิปไตยนั้นเป็นระบอบปกครองของรัฐสมัยใหม่โดยแท้โดยเฉพาะรัฐที่ได้กลายเป็นรัฐประชาชาติไปแล้วรัฐสมัยใหม่เป็นรัฐที่มีอำนาจล้นพ้น อาจทำร้ายประชาชนหรือพลเมืองของตนได้อย่างที่รัฐก่อนสมัยใหม่ทั้งปวงไม่สามารถทำได้ รัฐจึงเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง ต้องถูกจำกัดอำนาจของมันไว้ ที่ผมพูดนี้หมายถึงรัฐนะครับ ไม่ได้หมายถึงผู้ปกครองรัฐซึ่งย่อมเวียนหน้ากันเข้ามาอยู่เสมอ

กระบวนการที่ใช้ในการควบคุมรัฐในระบอบประชาธิปไตยคือสถาปนาสิทธิเสรีภาพของพลเมืองให้เป็นสิ่งสูงสุด ที่รัฐไม่ว่าจะปกครองโดยใครล่วงละเมิดไม่ได้ เช่น เสรีภาพในการแสดงออก, ในความเชื่อ, ในการรวมตัวเพื่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจ, การเมือง, สังคมหรือวัฒนธรรม และในเรื่องอื่นๆ (อย่าลืมเรื่องเสรีภาพของสังคมซึ่งเป็นขีดจำกัดของเสรีภาพนะครับ) 

ในเมืองไทย เรามักคิดว่าสิทธิเสรีภาพเป็นธรรมชาติมนุษย์ ขวางกั้นไม่ได้ หรือขวางกั้นแล้วย่อมทำให้คนไม่พอใจ ข้อนี้จริงหรือไม่คงเถียงกันได้ แต่ที่สำคัญกว่าในระบอบประชาธิปไตยก็คือ สิทธิเสรีภาพเป็นตัวจำกัดอำนาจของรัฐที่เมื่อไรถูกล่วงละเมิด เมื่อนั้นเราทุกคนต่างก็ปลดเปลื้องตัวเองจากแนวป้องกันอำนาจรัฐที่แข็งแกร่งที่สุด กรณีเช่น ตากใบหรือกรือเซะ ทำให้เราทุกคนแม้อยู่ห่างไกลจากเหตุการณ์เพียงไรก็ตาม ต่างตกอยู่ในภยันตรายใหญ่หลวงจากรัฐเท่าๆ กัน

หากถามว่า มีข้อยกเว้นหรือไม่ที่บางครั้งรัฐจำเป็นต้องละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมืองซึ่งสถาปนาขึ้นไว้แล้วนี้ คำตอบคือไม่มี หรือเกือบจะไม่มีเลย ถึงอาจเกิดขึ้นในรัฐประชาธิปไตยบางแห่งก็ต้องจำกัดอำนาจรัฐในการละเมิดไว้อย่างรัดกุม เช่น ระยะเวลาที่จะละเมิดได้มีจำกัด, กระบวนการละเมิดต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุลจากหลายฝ่าย ฯลฯ 

ผมขอยกตัวอย่าง เช่น กฎอัยการศึก ในประชาธิปไตยของบางประเทศ ไม่มีกฎหมายประเภทนี้เลย ในบางประเทศ การตัดสินใจต้องขึ้นอยู่กับองค์กรทางการเมืองที่หลากหลายมาก เช่น รวมแม้แต่พรรคฝ่ายค้านด้วย ในทุกประเทศ หากจำเป็นต้องใช้กฎหมายประเภทนี้ อำนาจรัฐที่จะล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมืองจะถูกกำหนดไว้แน่นอนชัดเจนว่า ทำได้เฉพาะในเรื่องใดและในกรณีจำเป็นอย่างไร ไม่ใช่การชูสามนิ้ว, การกินแซนด์วิช, การอ่านหนังสือ ฯลฯ จะถูกลงโทษไปหมด โดยไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอนมากไปกว่ากฎอัยการศึก

ก็อย่างที่กล่าวแล้วนะครับว่า นี่เป็นเรื่องกระบวนการ ซึ่งแต่ละสังคมอาจปรับเปลี่ยนไปได้บ้าง แต่ต้องไม่ทำให้บรรทัดฐานสิทธิเสรีภาพของพลเมืองซึ่งประชาธิปไตยต้องยืนหยัดเพื่อป้องกันรัฐกลายเป็นหมัน

ระบอบประชาธิปไตยต้องแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยของปวงชนออกจากกันเป็นสามด้านคือนิติบัญญัติ, บริหาร และตุลาการ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลกันเอง แต่ทั้งสามด้านนี้ต้องยึดโยงกับพลเมือง กระบวนการที่จะแบ่งแยกอำนาจนั้นมีได้หลายอย่าง เช่น บางประเทศกำหนดให้การแต่งตั้งผู้พิพากษาต้องได้รับคำรับรองจากรัฐสภา บางประเทศ (เช่น บางมลรัฐของสหรัฐ) ผู้พิพากษามาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยกำหนดวุฒิของผู้สมัคร บางสังคมประชาธิปไตยสร้างกลไกที่ทำให้คนภายนอกที่ได้รับมอบหมายจากพลเมือง ให้เข้ามาตรวจสอบการทำงานของฝ่ายตุลาการได้ บางประเทศให้อำนาจพลเมืองในการถอดถอน ส.ส.ระหว่างวาระได้ จะยึดโยงกับพลเมืองอย่างไร เป็นกระบวนการซึ่งอาจปรับเปลี่ยนได้ แต่ต้องไม่ใช่ให้ผู้ทรงคุณวุฒิปิดประตูเลือกกันเอง หรือปล่อยให้ฝ่ายบริหารแต่งตั้งสภานิติบัญญัติและองค์คณะผู้ตรวจสอบฝ่ายตุลาการเอง

แท้จริงแล้ว การยึดโยงกับพลเมืองของอำนาจอธิปไตยทั้งสามนั้น ประกันการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยที่ขาดไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นไปไม่ได้ในรัฐสมัยใหม่ที่พลเมืองจำนวนเป็นล้านจะซูเอี๋ยกันเอง ในขณะที่อำนาจที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนซึ่งมีคนจำนวนน้อยเสียอีก ที่ซูเอี๋ยกันเองจนอำนาจอธิปไตยทั้งสามด้านไม่แยกออกจากกันจริง อย่างที่เราเห็นในเมืองไทยในไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เรื่องนี้เกี่ยวกับบรรทัดฐานประชาธิปไตยอีกอย่างหนึ่งนั่นคืออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ พลเมืองมีอำนาจสูงสุดในรัฐ ข้อนี้ต้องเป็นจริงในทางปฏิบัติ ไม่ใช่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญเฉยๆ แต่มาตราอื่นๆ ล้วนสะท้อนว่าไม่จริง



กระบวนการของบรรทัดฐานนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้พลเมืองควบคุมการใช้อำนาจอธิปไตยของตนได้จริง รัฐสมัยใหม่ซึ่งมีพลเมืองจำนวนมากเลือกใช้การเลือกตั้งทางตรง โดยเฉพาะกับสภานิติบัญญัติ เพราะไม่สามารถประชุมพลเมืองพร้อมกันทั้งประเทศได้ การเลือกตั้งเป็นกระบวนการทำได้หลายวิธี แต่ต้องไม่ทำให้เจตน์จำนงทางการเมืองของพลเมืองไร้ความหมาย การเลือกตัวแทนเป็นมาตรการที่มีปัญหาแน่ ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย แต่ในทุกประเทศ อย่างไรก็ตาม สามารถปรับได้แก้ได้ และเขาก็ปรับแก้กันทั้งโลกอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งยังอาจต้องถูกปรับเปลี่ยนไปอีกมากเมื่อเทคโนโลยีดิจิตอลขยายตัวและพัฒนาไปมากขึ้นกว่านี้ จนกระทั่งการลงประชามติอาจทำได้ในราคาถูกและสะดวก บทบาทของตัวแทนในสภาอาจลดความสำคัญลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการอื่นๆ ที่สังคมประชาธิปไตยมักใช้เพื่อถ่วงดุล "ตัวแทน" ซึ่งไม่สมบูรณ์เวลานี้ เช่น ประกันอำนาจของท้องถิ่นในบางเรื่องเพื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ไม่ได้หมายถึง อบต., เทศบาล, อบจ.เพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมสภาของท้องถิ่นและองค์กรเอกชนในท้องถิ่นไว้ด้วย) สามารถตัดสินใจได้เองอย่างเป็นอิสระ การประกันสิทธิเสรีภาพของสื่อ, การสื่อสาร, การจัดองค์กร, การเคลื่อนไหวสาธารณะทุกชนิด, การเข้าถึงองค์กรของรัฐอย่างเท่าเทียม ฯลฯ อันเป็นสิทธิพลเมือง ก็มีส่วนในการทำให้ระบบ "ตัวแทน" มีอำนาจน้อยลง

แน่นอนว่าเสรีภาพของสังคมย่อมมีความสำคัญกว่า จึงต้องมีกฎหมายควบคุมการใช้เสรีภาพเหล่านี้ด้วย แต่กฎหมายประเภทนี้ต้องออกมาเพื่อปกป้องเสรีภาพของสังคม ไม่ใช่ออกมาเพื่อเพิ่มอำนาจรัฐหรืออำนาจข้าราชการ เช่น เสรีภาพในการสื่อสารย่อมกลายเป็นความไม่มีเสรีภาพ หากยังใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์ที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน กฎหมายหมิ่นประมาทและกระบวนการยุติธรรมทำให้การตรวจสอบถ่วงดุลทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทยเกือบจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย

บรรทัดฐานประชาธิปไตยไม่ได้ทำให้เราไม่สามารถปรับแก้กระบวนการได้ตัวของมันเองได้ปรับแก้ตนเองมาโดยตลอดภายใต้บรรทัดฐานเดิมไม่มีความจำเป็นแต่อย่างไรที่จะระงับใช้บรรทัดฐานประชาธิปไตยเพื่อปรับแก้ประชาธิปไตย อันเป็นตรรกะที่ไม่มีแววเลยว่าจะนำเรากลับสู่บรรทัดฐานประชาธิปไตยได้อีก

ผมคงสามารถพูดถึงบรรทัดฐานของประชาธิปไตยซึ่งขาดไม่ได้(หากยังอยากเรียกตัวเองว่าประชาธิปไตยอยู่)กับกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนไปได้ตามความเหมาะสมของประสบการณ์ของสังคมไทยได้อีกมาก แต่คิดว่าพอแล้วสำหรับการทำความเข้าใจหลักการข้อนี้ ประชาธิปไตยแบบไทยจึงอาจเป็นจริงได้ แต่หากไม่แยกระหว่างบรรทัดฐานและกระบวนการให้ชัดในการร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะปรับเปลี่ยนกระบวนการจนสูญเสียบรรทัดฐานประชาธิปไตยไป และในกรณีเช่นนั้น ชื่อที่ตรงกว่าคือเผด็จการแบบไทย ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทย

ปัญหาของรัฐธรรมนูญใหม่อยู่ตรงนี้มากกว่าบอดสีหรือมีสี เพราะสีย่อมเกิดขึ้นได้ก็เฉพาะแต่เมื่อระบอบปกครองนั้นยังอยู่ในบรรทัดฐานของประชาธิปไตยเท่านั้น โดยตัวของมันเองไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด 

สิ่งที่น่ารังเกียจกว่าคือการมองไม่เห็นว่าอะไรคือปัญหาของประเทศกันแน่ และการเอาปัญหาผิดๆ เหล่านั้นเป็นตัวตั้งเพื่อปรับแก้รัฐธรรมนูญจนละทิ้งบรรทัดฐานของประชาธิปไตย เพราะแยกไม่ออก (หรือไม่ยอมแยก) ระหว่างสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานกับกระบวนการ ดังข้อเสนอพิลึกพิลั่นนานาชนิดที่ได้ยินอยู่เสมอจาก สปช., สนช., ที่ปรึกษา คสช. และ คสช.เองในช่วงนี้

ทรัพย์สิน ของกษัตริย์ คือ ทรัพย์สินของประชาชน......

ทรัพย์สิน ของกษัตริย์ คือ ทรัพย์สินของประชาชน..ระบอบกษัตริย์ จึงไม่ให้ ประชาชนตรวจสอบ และทรัพย์สินเหล่า นี้ นำเอาไป ฟอก หาผลประโยชน์ ต่อ ในธุรกิจ ใน-นอก ประเทศ ซึ่งใครจะตรวจสอบไม่ได้เลย..

ทรัพย์สินส่วนสัสฯ เริ่มต้นที่ได้มาจากการ ขูดรีด ยึดที่นา และเก็บภาษี อย่างแพง สืบทอดกันมา ตามระบอบของกษัตริย์ไทย และ ในปัจจุบัน ที่เห็นได้ชัด ราชวงศ์จักรี รับซอง จากการ ส่งส่วย ของบริษัตริย์ ใหญ่เพื่อผ่านทาง ของธุรกิจ นั้น ดังภาพ ที่เห็น ออกข่าวมีภาพ รับซองทุกคืน บริษัทไหน ที่ใช้คำว่า ถวายเงินเป็น ราชกุศล นั้นคือ บริษัท ส่งส่วย ให้ ระบอบ กษัตริย์ เอาไป พลาญใช้เงิน ไม่มาพัฒนา เหมือนดั่ง คำสร้างภาพ ของผู้ให้ ว่า ถวายเป็นพระราชกุศล

ความเห็นแก่ตัวของ ระบอบกษัตริย์ ที่เอาเปรียบ สร้างภาพ เป็นคนดี ขูดรีด กดขี่ ซ้ำยัง ส่งเสริม เหล่าบริวาร ข้าราช ให้ทำงาน ขูดรีด กดทับประชาชน ให้หาผลประโยชน์ แบ่งส่วน แล้ว ส่งเข้าวัง และพรางตนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้ตน ยังอยู่ในการเทิดทูน พอได้แล้วระบอบกษัตริย์!!
..........
แท้จริงแล้ว ทรัพย์สิน ทั้ง 3 อย่าง แค่แยกความหมาย เพื่อ สร้างความชอบธรรม ให้ระบอบกษัตริย์ แต่แท้จริง ทั้งหมด นี้ คือ เงิน และ ทรัพย์สินของประชาชน ทั้งหมด
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินราชวงศ์จักรี" กับ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์ 



Sunday, November 27, 2016

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน เครือข่ายเปลี่ยนระบอบ และมหาวิทยาลัยประชาชน
เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



ดร. เพียงดิน รักไทย 27 พ.ย. 2559 ตอน สงสารพระบรม และ สหรัฐ จะเสียท่า จีน ในไทย??


ดร. เพียงดิน รักไทย 27 พ.ย. 2559 ตอน สงสารพระบรม และ สหรัฐ จะเสียท่า จีน ในไทย??

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com 
โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  
4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก 





จนกว่าผงจะเข้าตา โดย ไทยรู้ทัน 27 พฤศจิกา 2559

จนกว่าผงจะเข้าตา

โดย ไทยรู้ทัน 27 พฤศจิกา 2559

แผ่นดินไทยมาถึงตรงนี้แตกแยกไม่มีชิ้นดี ทางเดียวที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้ คือต้องผ่านการล้างด้วยเลือด ชำระความสกปรกด้วยไฟ อย่างนั้นหรือ? คนไทยต้องผ่านการสูญเสีย จนกว่าจะเป็นสังคมใหม่ที่สะอาดและผู้คนตระหนักถึงสิทธิความเป็นคน สิทธิและหน้าที่ของความเป็นประชาชนก่อน เช่นนั้นหรือ?

คนไทยนี้ไม่มีจิตสำนึก คนไทยนึกไม่ออก เพราะเหตุผลว่าสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเชื่อ เป็นสังคมห้ามคิด คนไทยคิดไม่ได้ เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดจะนึกถึงเหตุผล ว่าทำไมประเทศไทยจึงพายเรือในอ่าง ทำไมคนไทยยากจน นั่นเพราะผลมาจากระบบการปกครองที่เอาเปรียบ พวกเขาทนให้กดขี่ ทนให้ถูกเอาเปรียบ ทนให้ถูกสร้างความเหลื่อมล้ำอยุติธรรมต่างๆ คนไทยคนไหนเป็นคนคิดได้ ก็ถูกห้ามคิด ห้ามพูด ห้ามแสดงออก ทางออกของคนไทยนี้จึงต้องให้คนไทยรู้สึกสำนึกได้ด้วยตัวเอง แล้วออกมาปกป้องตนเอง

คนไทยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ผงใดไม่เข้าตา ข้าก็ไม่เจ็บ ผงที่เจ็บที่สุดคือผงที่เข้าตากู คนไทยเลยต้องทนอยู่แบบที่เป็นตอนนี้นี่ไงครับ พี่น้อง!!

อยากเห็นฟ้าใหม่ ที่มีสีทองผ่องอำไพ ประชาชนคนไทยต้องตื่นรู้ ไม่ใช่อุดอู้อยู่กับความงมงาย ลุ่มหลง เขาพร่ำสอนให้รัก ให้เชื่อ ให้ปลง จึงหลงอยู่กับคำว่า "พอเพียง" โอมเพี้ยง!!!!! จึงไม่เพียงพอ ที่จะรอวันกะลาเปิด คนไทยต้องเกิดกลียุค ยากจน อดอยากจนถึงที่สุด ผงต้องเข้าตาทุกคนที่เป็นผู้ถูกกดขี่บีฑา ถูกเอาเปรียบ วังวนวงจรอุบาทว์ จะถูกตั้งคำถาม แล้วตามมาด้วยความเปลี่ยนแปลง นั่นคือตาสว่างแจ่มแจ้ง ทั้งแผ่นดิน ต้องล้างให้สิ้นความอยุติธรรม นั่นคือ เซ็ตซีโร่ จริงๆ แล้วสิ่งที่ต้องสร้างถัดมาคือประชาธิปไตย ธรรมนูญใหม่จะถูกสร้างขึ้นจากประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เป็นสัญญาแห่งประชาชน คือสัญญาประชาคม เมื่อความยุติธรรมที่เป็นความยุติธรรมก่อเกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย ความอัปรีย์จัญไร จะหมดไป

จนกว่าผงจะเข้าตา https://thaipeople4republic.wordpress.com/2016/11/27/underground/

Saturday, November 26, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 27 พ.ย. 2559 ตอน เบื้องลึก จับสึก สั่งฆ่าพระธัมมชโย และปิดวัดพระธรรมกาย

ดร. เพียงดิน รักไทย 27 พ.ย. 2559 ตอน เบื้องลึก จับสึก สั่งฆ่าพระธัมมชโย และปิดวัดพระธรรมกาย


https://youtu.be/yOeii5FmCWs


อย่าลืมกด Subscribe สถานีห้องสมุดมหาวิทยาลัยประชาชน ด้วยนะครับ 




Friday, November 25, 2016

“ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน”

"ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน"

--------------------------------------------

ข้าว-ชาวนา-การเมือง

-
ชาวนากับการเมืองไม่ใช่ปัญหาที่ "เกิดง่ายจบเร็ว" เหมือนอย่างปัญหายางพาราซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองบางกลุ่มอย่างชัดเจน "ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน" จึงเป็นคำอมตะที่รัฐบาลยุคใดจะละเลยหรือไม่ใส่ใจไม่ได้ อย่างที่อาจารย์พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า

-
"ความเป็นชาวนานั้นมีลักษณะพิเศษบางอย่าง พวกเขาไม่ใช่แค่เป็น "ชนชั้นกลางแบบหนึ่ง" ที่จะมีจริตและรูปการณ์จิตสำนึกแบบชนชั้นกลางทั่วไป และจะมาจับยัดเอาง่ายๆว่าชาวนาต้องการการเมืองแบบประชาธิปไตยแบบเดียวกับคนชั้นกลาง โดยเฉพาะคนชั้นกลางในเมือง หรือชาวนาควรจะมีสิทธิเข้าถึงประชาธิปไตย เพราะเขาก็เป็นชนชั้นกลางเช่นกัน ในอีกด้านหนึ่งการศึกษาเรื่องชาวนานั้นก็ไม่ได้อธิบายทุกอย่างเป็นเพียงแค่ "คนจน" หรือ "กรรมาชีพ" ที่มีการเคลื่อนไหวและจัดตั้งองค์กรและความใฝ่ฝันทางการเมืองแบบ "กรรมกร" หรือผู้ใช้แรงงาน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตเข้าใจดีว่า ชาวนาเป็นทั้งปัจจัยแห่งความสำเร็จและปัจจัยแห่งความล้มเหลวของการปฏิวัติมวลชนและต่อต้านทุนนิยม ดังนั้น การจัดตั้งชาวนากับการจัดตั้งกรรมกรไม่ได้เป็นเรื่องที่ใช้ตำราเล่มเดียวกันได้ การเคลื่อนไหวของชาวนาที่เป็นแกนสำคัญในการปฏิวัติในจีนไม่ได้ประสบความสำเร็จในไทยก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สำคัญ"


-
คำทำนาย "ฤาษีลิงดำ"
-
ความอับจนข้นแค้นของชาวนาจึงซับซ้อนกว่าแค่ข้าวราคาตกจะทำอย่างไร ไม่ใช่แค่จะโทษใครและกล่าวหาว่าใครสร้างภาพ ซึ่งมีแต่ลดทอนความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล และอาจเกิดอะไรก็ได้ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านอย่างขณะนี้ อย่างที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เขียนในคอลัมน์ "ประสงค์พูด" โดยยกคำทำนายของ "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ตอนหนึ่งที่ว่า "จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา" คือประชาชนจะออกมาเป็นคนจัดการกับคนชั่วคนไม่ดีออกไปด้วยน้ำมือของประชาชน แม้จะเป็นคำทำนาย แต่ถ้าวิเคราะห์บนพื้นฐานของเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาตามลำดับ ในอนาคตข้างหน้าก็มีความเป็นไปได้ที่ประชาชนจะออกมาเป็นคนจัดการกับปัญหาต่างๆด้วยน้ำมือของประชาชนเองอย่างเต็มรูปแบบ อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่สมัยนี้เป็นประชาชนที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่างๆของบ้านเมืองดีขึ้น รู้ว่าอำนาจของตนที่มอบให้คนอื่นไปใช้ทำงานแทนตนนั้นได้ถูกใช้ไปอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง หรือเพื่อประโยชน์ใคร

-
ประชาชนเจ็บปวดมามากกับเรื่องที่ให้อำนาจของตนไปใช้แทนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แต่กลับไปใช้เพื่อประโยชน์ตนและพรรคพวกมาโดยตลอด แม้กระทั่งการเอาอำนาจของประชาชนไปใช้โดยวิธีการได้มาที่ไม่ถูกต้องก็ตาม ทำไปทำมาก็ยังคงเกิดปัญหายุ่งยากวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้นเหมือนเดิมอย่างที่กำลังเห็นกันอยู่ในขณะนี้
-

ความอยากได้อำนาจ โดยเฉพาะการได้มาที่ไม่เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องตามระบบ หรือแม้จะได้มาอย่างถูกต้องตามระบบก็ตาม ความอยากดังกล่าวนี้สามารถทำให้กลายเป็นคนไม่ดีไปได้ง่ายๆด้วยการดำเนินการต่างๆอันเป็นช่องทางแห่งการได้มาซึ่งอำนาจ หรือการรักษาอำนาจที่ได้มาให้คงอยู่ไม่หายไปไหน เช่น ยอมเป็นหุ่นเชิดให้กับคนชั่วคนเลวในการทำสิ่งต่างๆ หรือคิดอ่านเสนอนั่นเสนอนี่ในการได้อำนาจหรืออยู่ในอำนาจได้ยาวนาน เป็นต้น

-
ใครก็ตามที่มีคนอย่างนี้ร่วมงานหรือใช้งาน แม้กระทั่งอาสาเข้ามาช่วยโน่นช่วยนี่ก็ตาม ถ้าเออออห่อหมกตามไปด้วยโดยไม่คิดให้ดีแล้ว เจ๊งทุกราย จะต้องเสื่อมลงและหมดค่าลงไปเรื่อยๆ ชีวิตบั้นปลายที่เหลืออยู่จะมีแต่ความสูญเปล่า จะกลายเป็นชีวิตที่ไม่ผิดอะไรกับวิญญาณพเนจร อดีตที่เคยรุ่งโรจน์ก็จะต้องดับวูบ ต้องมัวหมอง และต้องกลายเป็นคนไม่ดี ถูกด่าถูกว่าจากทุกสารทิศตามไปด้วย จะโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเอง และรีบแก้ไขทั้งสายตาและหูของตนที่ต้องเปิดกว้างให้มากขึ้น เพราะตาที่เปิดกว้างจะทำให้เห็นถึงทิศทางของคนประจบสอพลอ หรือจากผู้ท้วงติงอย่างมีเหตุผล
-

ขณะที่หูที่เปิดกว้างนั้นจะรับเสียงได้ทุกทิศทุกทาง จะลงจากอำนาจในครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัยก็เพราะรู้จักใช้หูและตาของตนให้ถูกต้องเท่านั้น ไม่เชื่อก็ขอให้อ่านคำทำนายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำข้างต้นนี้อีกครั้งก็แล้วกันว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

-
"…เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา…แผ่นดินแตกแยกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน…"
-

โศกนาฏกรรมชาวนาไทย
-

การปรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์กับราคาข้าวที่ตกต่ำโดยไม่แสดงอาการฉุนเฉียวตอบโต้ทันทีทันใดเหมือนที่ผ่านมาและยังยินดีที่ทุกฝ่ายตื่นตัวร่วมกันช่วยชาวนา สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าปัญหาชาวนานั้นละเอียดอ่อนอย่างไร ยิ่งช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลและผ่านพ้นช่วงการเปลี่ยนผ่านสำคัญมาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ดีว่าปัญหาต่างๆที่เรื้อรังและหมักหมมจะประดังเข้าใส่รัฐบาลและ คสช. แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคม ซึ่งทุกปัญหาล้วนเกี่ยวข้องกับอนาคตทางการเมืองของ คสช. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

-
เช่นเดียวกับปัญหาชาวนาที่อาจจะปะทุเป็น "ม็อบชาวนา" ได้ตลอดเวลา หากการแก้ปัญหาไม่ต่อเนื่อง หรือลักปิดลักเปิด หรือยังมองการเมืองแบบเดิมๆ ปล่อยให้ลิ่วล้อออกมาสร้างความขัดแย้ง หรือบิดเบือนความจริง อย่างเรื่องชาวนาผูกคอตาย ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง

-
รัฐบาลและ คสช. ตระหนักดีว่า สถานการณ์วันนี้แตกต่างจากอดีตอย่างมาก แม้ยังมีกองทัพสนับสนุนเต็มที่ก็ตาม แต่ปัญหาต่างๆที่สะสมและกดดันประชาชนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆหากรัฐบาลใช้อำนาจแก้ปัญหาแค่ให้ผ่านไปวันๆ แทนที่จะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนทั้งคนชั้นกลาง เกษตรกร และกรรมกร วันนี้กำลังเดือดร้อนอย่างมาก เมื่อคนตกงานและไม่มีจะกิน อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะปัญหาชาวไร่ชาวนาที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

-
พล.อ.ประยุทธ์รู้ดีว่าต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและเกษตรกร ไม่ใช่สร้างศัตรู หรือเดินตามเกมนักการเมืองบางคนที่พยายามเสี้ยมเพื่อใช้รัฐบาลและ คสช. กำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ซึ่งนอกจากจะไม่ทำให้เกิดความปรองดองและตอกย้ำความยุติธรรมสองมาตรฐานแล้ว ยังเป็นการทำร้ายชาวนาอย่างเลือดเย็นอีกด้วย

-
แหล่งที่มา โลกวันนี้
-
ห้องข่าวเสรีไทย


CB37B92C-A68B-4D72-B19A-462FA447CD12

Wednesday, November 23, 2016

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 24 พ.ย. 2559 ตอน ใครเป็นใคร ในขบวน "ล้มเจ้า" ตัวจริง!


ดร.​ เพียงดิน รักไทย   24 พ.ย. 2559 ตอน ใครเป็นใคร ในขบวน "ล้มเจ้า" ตัวจริง!  

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก

"แจกเงิน" ประชานิยมสิ้นคิด

Watana Muangsook

Follow

6 hrs ·


"แจกเงิน" ประชานิยมสิ้นคิด

มติ ครม. ที่ให้เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยรายละ 1,500-3,000 บาท จำนวน 5.4 ล้านคน เริ่มจ่ายตั้งแต่ 1-30 ธันวาคม 2559 คือนโยบายหว่านเงิน (helicopter money) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เท่ากับรัฐบาลนี้ยอมรับว่าผู้มีรายได้น้อยหรือรากหญ้ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตเพราะการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด แต่รัฐบาลหมดความสามารถที่จะหามาตรการอื่นมากระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว จึงต้องเลือกใช้การแจกเงินซึ่งไม่ต้องใช้ความคิดแต่ได้ผลน้อยที่สุด เพราะเมื่อใช้แล้วจบลงในคราวเดียว

รัฐบาลนี้เคยสร้างวาทกรรมกล่าวหารัฐบาลเพื่อไทยที่ดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวว่าเป็นประชานิยม อ้างว่าการรับจำนำสูงกว่าราคาตลาดทำให้รัฐขาดทุน ทั้งที่เป็นนโยบายสาธารณะทางเศรษฐกิจตามมาตรา 84 (8) ของรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อให้สินค้าเกษตรได้รับราคาที่เหมาะสมและไม่ทำให้เสียวินัยเพราะไม่ได้เป็นการให้เปล่าเหมือนการแจกเงิน ทำให้เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่มีกำลังซื้อเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องตามมามากมาย การดำเนินนโยบายที่ถูกต้องทำให้เศรษฐกิจในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทยดีมาตลอด เศรษฐกิจของประเทศจึงไม่เคยเข้าตาจนถึงขนาดต้องใช้มาตรการแจกเงินเหมือนที่รัฐบาลนี้และบางพรรคต้องนำมาใช้ แต่นายกยิ่งลักษณ์กลับถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง

การทำให้คนจนได้รับประโยชน์เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน เพราะเศรษฐกิจไม่มีสีและฝักฝ่ายทางการเมือง แต่รัฐบาลต้องใช้สติปัญญาคิดหามาตรการทางเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนมีความหวัง จะเกิดการลงทุนและการจ้างงานทำให้คนยากจนมีรายได้อย่างต่อเนื่องซึ่งดีกว่าการแจกเงิน ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อก็จะกลับคืนมาเอง ยอมรับได้หรือยังว่าการบริหารประเทศมีความสลับซับซ้อนที่ต้องใช้สติปัญญา ไม่ใช่เพียงใช้วาทกรรมไปวันๆ แบบที่เป็น ก็ขนาดผู้คนทั้งโลกเห็นว่าเป็นการแจกเงิน นรม. ยังปฏิเสธว่าไม่ใช่แต่เป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่จริงควรบอกว่าการรับจำนำข้าวเป็นประชานิยมส่วนการแจกเงินเป็นประชารัฐ จะได้ดูมีสติปัญญามากขึ้น

วัฒนา เมืองสุข

พรรคเพื่อไทย

23 พฤศจิกายน 2559

การละสังขารของภูมิพล ทิ้งมรดกบาปไว้มากมาย

ความเสียหายเกินปล่อยให้ยืดยาว

เมื่อถึงคราวภูมิพลต้องละสังขาร

บัลลังก์ถึงวันประชาพิจารณ์

อนาคตถึงกาลเปลี่ยนระบอบยั่งยืน


+++++++++++++++++++++++++

ความเสียหาย

  • การลงทุนไหลออก
  • การส่งออกยับเยิน
  • การท่องเที่ยวมีแต่ยอดคน แต่ยอดเงินถดถอย
  • ราคาสินค้าเกษตรกรรมตกต่ำทั่วหน้า ชาวประชาขาดแรงซื้อ
  • การคดโกงแบบแดกด่วน เกิดขึ้นต่อเนื่องและยิ่งหนักหน่วงในยุคแก็งค์แดกด่วน
  • ระบบตรวจสอบถูกทำลายสิ้น การโกงกินจึงมหันต์
  • งบเทิดทูนและงบกองทัพ เพิ่มเกินสองเท่าในช่วงไม่ถึงสิบปี
  • เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาร่วมปล้นชาติ ด้วยนโยบายอันเกิดจากความเห็นแก่ตัวของชนชั้นปกครอง


การละสังขารของภูมิพล ทิ้งมรดกบาปไว้มากมาย

  • ความแตกแยกของปวงชนเป็นไปอย่างลึกซึ้งและร้าวฉานที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ
  • การสังหารหมู่ประชาชน เกิดขึ้นซ้ำซาก โดยคนก่อกรรมไม่ได้รับโทษ เหยื่อไม่ได้รับความยุติธรรม
  • คนไม่จงรักภักดี ถูกเล่นงานด้วยกฎหมายเถื่อน
  • ทหารของพระราชา เอากฎหมายยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาใช้ก่อนยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
  • ความตกต่ำและภาพความอัปลักษณ์ของราชวงศ์ แม้ว่าจะใช้งบประมาณเทิดทูนเป็นประวัติการณ์
  • ราชวงศ์ที่สิ้นเปลืองเงินภาษีอากรประชาชนมากที่สุด
  • ความร่ำรวยผิดปกติบนทฤษฎีพอเพียง
  • สถิติการปล้นอำนาจประชาชน ด้วยการรัฐประหารในสภา บนบัลลังก์ศาล และด้วยรถถัง
  • โครงการหลวงที่แก้ปัญหาอะไรไม่ได้จริง (อ่างเก็บน้ำ กังหัน ...สุดท้ายก็แค่ ชั่งหัวมัน)
  • ระบบยุติธรรมที่ตกต่ำ เหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน สองมาตราหรือไม่มีมาตรฐาน สอบตกในทุกเรื่องตามระดับมาตรฐานโลก
  • การศึกษาตกต่ำล้าหลังเพื่อนบ้านอาเซี่ยน
  • การคดโกงคอรัปชั่นโดยคนดี น่ารังเกียจตั้งแต่เดย์วัน
  • นักการเมืองตัวแทนประชาชนถูกทำลายป้ายสี (และลดอำนาจ)
  • รัฐสภาถูกป้ายสีให้เป็น เผด็จการเสียงข้างมาก
  • การเลือกตั้ง ถูกลดค่าเป็นการขายจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ของประชาชน
  • สิทธิมนุษยชนถูกเหยียบย่ำอย่างเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี
  • การเปลี่ยนรัชกาล สร้างปัญหาให้ชาติและปวงชนอย่างน่าทุเรศ


ทางเลือกของประเทศไทย

มีกษัตริย์ หรือไม่มีกษัตริย์

ราชาธิปไตย หรือ ประชาธิปไตย


อนาคต หลัง ภูมิพล ควรอยู่ในมือใคร?


ประชาชนต้องแสดงตัว อาศัยโอกาสสำคัญนี้ เปลี่ยนระบอบ



Tuesday, November 22, 2016

ปู่ขอแจมด้วย "พล่าน" กันจนผิดสังเกตุ.!!!!

ปู่ขอแจมด้วย

"พล่าน" กันจนผิดสังเกตุ.!!!!

เริ่มจาก "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ออกมาชี้นำ "อัยการ" ว่าต้องสั่งฟ้องคดีหลวงพ่อวัดใหญ่..

มิเช่นนั้น..จะถือว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู..

ซ้ำรอยคดีปี 2542

และเมื่ออัยการสั่ง "เลื่อนนัด" เป็น 30 พย. ปลายเดือนนี้..

ก็ถึงคิวของ "ไพบูลย์ คุ้มฉายา" ออกมาโวยว่ามีคน.. เตะถ่วง

เพราะ "ลูกน้อง" ตัวเองคือ DSI ส่งสำนวนให้อัยการไปหมดแล้ว..

ทำไม "อัยการ" ถึงยังไม่สั่งฟ้อง.???

นี่ถ้าคดี "ธวัชชัย อนุกูล" ท่าน "ขยัน" แบบนี้.. คงจับ "ฆาตกร" ได้นานแล้ว.!!!!

ถึงแม้ทั้งสอง "ไพบูลย์" จะแทคทีมกันแล้วแต่ "กระแส" ก็ยังไม่ดีขึ้น..

จึงจำเป็นต้องให้ "ธรรมนูญ อัตโชติ" พาสมาชิกสหกรณ์ที่ "หลงเชื่อ" ว่าเงินยังอยู่ที่ธรรมกายมาช่วยกัน "ถือป้าย"

เรียกร้องความ "เห็นใจ" จากสังคมว่าโดน "ธรรมกาย" โกงเงินไปจนต้องหมดเนื้อหมดตัว..

สร้างกระแส "ดราม่า" เป็นภาคต่อจาก "บิ๊กต๊อก"

แล้วเพื่อให้หลวงพ่อดูเป็นผู้มี "อิทธิพล" จนแม้แต่ "หมายจับ" ยังทำอะไรไม่ได้..

"ศรีวราห์" จึงต้องใช้ "วิฑูรย์ ชลายนนาวิน" อดีตรองอธิบดีป่าไม้ที่โดน "ไล่ออก" จากคดี "ทุจริต" 

"เซ็นรับรอง" ว่า เวิลด์พีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่.. รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าไม้ 

เพื่อขอ "หมายจับ" ฉบับที่สาม.!!!

"ปกติ" หากมีการรุกล้ำเขตป่าไม้จริง.. ก็แค่เรียก "เจ้าของ" มาแล้วสั่งให้รื้อถอน..

หาก "ฝ่าฝืน" จึงค่อยดำเนินการตาม "ขั้นตอน" ไปเป็นลำดับ.!!!!

แต่ "ศรีวราห์" เร่งรัดออกหมายจับโดยมิเคย "แจ้ง" หรือ "เตือน" เหมือนประหนึ่ง "จ้อง" รอคอยโอกาส..

จึงมิรู้ว่า.. "รุกล้ำ" หรือหวัง "สร้างข่าว" เพราะก็ใกล้วันที่ "อัยการ" จะสรุปคดี

และมาวันนี้.. ขาดมิได้กับ "เจ้าเก่า" ขาประจำ "ปู่อิสระ" แห่งอ้อน้อย..

พญาราชสีห์แห่งแจ้งวัฒนะ.. เจ้าของฉายา "กรวยศักดิ์สิทธิ์" ขยับ จับ ตาย..

ก็ตามออกมา "โหนกระแส" กับเขาด้วย ประหนึ่งกลัวว่า "ญาติโยม" ทั้งหลายจะหลงลืม.. 

เพราะเส้นทางไป "อ้อน้อย" ช่วงนี้ "เงียบเหงา" ไม่หนาแน่นเหมือนยุคที่รุ่งเรือง

ล่าสุดก็ "มะนาว" นายมโน เลาหวณิช "ศิษย์ทรยศ" แห่งเส้าหลิน..

ผู้ขอตาม "จองเวร" กับธรรมกายจนกว่าจะหมดลมหายใจ..

ก็จะนำ "เดินขบวน" ไปร้องเรียนท่าน "นายก" ในช่วงที่บ้านเมืองกำลังเศร้าโศกเสียใจ..

ก็หวังว่าคงจะไม่โดน "ลุงตู่" ทุ่มออกมาจนหัวร้างข้างแตกนะ.!!!!

ทั้งหมดนี้ก็คือ "หน้าตา" ของขบวนการที่จ้องล้ม "ธรรมกาย" 

"แบ่งงาน" กันทำคนละหน้าที่ แต่มี "เป้าหมาย" เดียวกัน.. ซึ่งครั้งนี้ก็ "ดาหน้า" กันออกมาหมด..

ประหนึ่งว่าจะได้ "สัญญาน" อะไรบางอย่างซึ่งคงไม่เป็น "ผลดี" ต่อฝ่ายตน..

จึงพอ "คาดเดา" ได้ว่า "ลูกศิษย์" ทั้งหลายของ "หลวงพ่อ" อาจจะมีเฮในตอนปลายเดือนนี้ก็เป็นไปได้

ขอบคุณภาพจาก มติชน ออนไลน์

Cr.  กึ่งศตวรรษ..-เห็นมา เล่าไป
Cc. แวดวงวัด

อ. ชูพงศ์ - ดร. เพียงดิน 22 พ.ย. 2559 ตอน การล้มเจ้า กับ ภาวะเปลี่ยนผ่านที่อลวนอลเวง

. ชูพงศ์ - ดร. .เพียงดิน 22 .. 2559 ตอน การล้มเจ้า กับ ภาวะเปลี่ยนผ่านที่อลวนอลเวง

https://youtu.be/8hQ-P5hi-e4

https://youtu.be/nr2xzedRWEs

https://youtu.be/WU0JilKY-z8

https://youtu.be/m-NHjdnEaeE


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก






Monday, November 21, 2016

ยุทธศาสตร์ 8 ข้อของเครือข่ายอำนาจเก่าในการทำลายประชาชนคนอีสาน และคนไทยทุกภาคส่วน !

ยุทธศาสตร์ 8 ข้อ      ของเครือข่ายอำนาจเก่า
      ในการทำลาย
    ประชาชนคนอีสาน 
และคนไทยทุกภาคส่วน !
____________________

 ทำไม ขบวนการอำนาจ
เก่า  ?
ต้องทำลายการ เจริญเติบโตของคนอีสาน
และประชาชนคนไทย
ทุกภาคส่วน !
ตำตอบ                                1 . เพราะคนอีสาน
มีชุดความคิดที่ก้าวหน้า
ในทางการเมืองการ 
ปกครอง !  นักคิด นักเคลื่อนใหวในอดีตมีจำนวนมากมายที่เป็นบุคคลสำคัญ
เช่น ครูเตียง ศิริขันธ์
ขุนพลภูพาล ครูครอง
จันดาวงศ์ นักสู้ครูประชา
บาล แม้กระทั่ง คุณ จิตร
ภูมิศักดิ์ ก็ยังยอมไปตาย
ชายป่า เพื่อคนอีสาน รวม
ทั้ง 4 รัฐมนตรีที่ยอม
พลีชีพ เพื่อชาติและประ
ชาชนคนไทย นอกจากนักต่อสู้เพื่อ ประชาชนที่ได้กล่าวนาม
มาแล้วทั้งหมดแล้ว
ยังมีวีรบุรุษ ประชาชน
อีสานอีกจำนวนมากมาย
ที่ประวัติศาสตร์ ไม่ได้
กล่าวถึง อีกมากมาย ทุกท่านยอมตาย
เพื่อ อิสระ เสรีภาพ เพื่อ
การ อยู่ดีกินดี เพื่อประชา
ธิปไตย ของคนไทยทั้ง
ชาติ
2. อีสานเป็นต้นทางแห่ง
ความเจริญด้านศาสนาพุธ
และจะเป็นจุดกำเนิด
ของพระศรีอารย์
เป็นการทำลายการสร้าง
ความเชื่อของการครอบ
งำ ศาสนาพุธอธิบายได้
ในวิธีคิดในทาง วิทยาศาสตร์
3.อีสานมีพื้นทีใหญ่โต
มีผืนแผ่นดินว่างเปล่า
มามาย ข้อสำคัญมีทรัพ
ยากรทางธรรมชาติ
ที่อยู่ใต้ดินอีกเป็นจำนวน
มาก
4.จุดกำเนิดของ ผู้นำประ
ชาชนคือ การกลับมาของ
มังกรอีสาน และขบวนการ
มังกรอีสาน คือขบวนการ
เปลี่ยนแปลงประเทศ
ในช่วงหลังการผลัดแผ่น ดิน 
5. หลังการผลัดแผ่นดิน
ขบวนการของ มังกรอีสาน
จะปรากฏภาพชัด ในการ
นำพาประเทศสู่การเปลี่ยน
แปลง และประเทศไทย
จะมีเมือง แฝด 3 เมือง
สำคัญ เกิดขึ้น คือ
1ธนบุรี เมืองพี่
2 รัตนโกสินทร์ เมืองน้อง
3 เมืองใหม่ จะมีจุดเริ่มต้น   จากหัวมังกร ตัวล่าสุด โดยเริ่มจากกรุงเทพ
ตะวันออก ถนน แจ้งวัฒนะ
รามอินทรา  ลากยาวสู่
จังหวัด นครนายก 
พาดเข้าบริเวณลำตัว
ของมังกร เข้าสู่ จ.ปราจีน
บุรี ผ่านเขาใหญ่ วังน้ำเย็น
เข้าสู่ประตู อีสาน จ.นคร
ราชสีมา จนเกิดความเจริญ รุ่งเรือง
ไปทั่ว อีสาน เปรียบเสมือนปลายหาง
ของมังกร
  ประเทศไทยจึงก้าว
เข้าสู่ยุคของ มังคู่แผ่นดิน
ทองแผ่นดินธรรม ประชา
ชนจะมีความสุข สยาม
เมืองยิ้มจะกลับมา
6.อิธิพลของความ
เจริญเติบโต ในทาง 
เศรษฐกิจ สังคม การเมือง
ศิลปวัฒนธรรม การศึกษา
ศาสนา สาธาระณะสุข
ในภาคอีสานจะแผ่ขยาย
ไปทั่วแผ่นดินไทย

   ด้วยเหตุผลดังกล่าว
ขบวนการอำนาจเก่า
อันประกอบไปด้วย ขุนนาง อำมาตย์ และ
เครือข่าย จึงเกรงกลัว
การสูญเสีย อำนาจและผล
ประโยชน์ ส่วนตน
จึงออกแผน 8 ยุทธศาสตร์
ในการกำจัด ขบวนการ
ของมังกรอีสาน
และปิดกั้น
การผลัดแผ่นดิน ด้วย
 8 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
1.มอมเมา ทำลาย สร้าง
ทัศนคติ ล้างสมอง เพื่อทำลายอนาคตของ
ชาติ ทำลายการศึกษา
2.ทำลายเศรษฐกิจ สร้าง
ความยากจน ทำลาย
ความเจริญเติบโต
3.สร้างแหล่งบันเทิง
โดยการนำเครือข่าย
ของ อำนาจเก่าเข้าไปสร้างกระ
แสทำลาย ชีวีต ทำลาย
ความเชื่อในประเพณี วัฒนธรรม มอมเมา
ประชาชนทุกรูปแบบ
3.ส่งเครือข่ายของ
อำนาจเก่าเข้าไปเป็นผู้นำ
ท้องถิ่น ควบคุมการรวม
อำนาจ
4.สร้างเครือข่าย ซื้อตัว
ผู้นำระดับชาติ เพื่อตอบ
สนองนโยบายของ
อำนาจเก่า
5.สร้างศูนย์ รวมอำนาจ
ผ่านกลไกรัฐ
6.เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่น
คงเป็นเครือข่าย ของ
อำนาจเก่า
7.ผูกขาดเศรษฐกิจ
สร้างระบบส่วยและสัมประทาน 
8.ยึดกุมอำนาจการปก
ครองและการเมือง
สร้างขบวนการ ใส่ร้าย
สร้างข่าวลือ สร้างข่าว
เท็จ สร้างความเชื่อ
เพื่อทำลาย คนอีสาน
   8 ข้อ คือขั้นตอน
การทำลาย ชาติไทย
ทำลาย ประชาชน  คนอีสาน ! ทำลายกระแส
การเชื่อมโยงจากอีสาน
ไปยังเครือข่ายคนไทย
ทั้งชาติ !
    
      ฐิติ  ชัยนาม
      22/พ ย/59

Sunday, November 20, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 21 พ.ย. 2559 สิ่งที่รัชกาลที่ 10 ต้องทำเพื่อความอยู่รอดและยั่งยืน

ดร. เพียงดิน รักไทย 21 พ.ย. 2559 สิ่งที่รัชกาลที่ 10 ต้องทำเพื่อความอยู่รอดและยั่งยืน

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




รำลึก ศ.ดร. ลิขิต ธีรเวคิน - วิพากษ์ รัฎฐาธิปัตย์และวิกฤตประชาธิปไตย (คม ชัด ลึก)

รำลึก ศ.ดร. ลิขิต ธีรเวคิน - วิพากษ์ รัฎฐาธิปัตย์และวิกฤตประชาธิปไตย  (คม ชัด ลึก)





ไทย ฆ่าไทย ให้อิสลาม ครอง ....จริงหรือ?

ใครปั่นหัวคนไทยให้ทะเลาะกัน … .. .ใครกำลังเชียร์.. ?
พระพุทธศาสนาในประเทศไทย กำลังถูกผลักไสให้เดินทางเข้าสู่ความเสื่อมสูญ .?

1. ในปี 2521 ดร.บุญสม มาร์ติน รมว.ศึกษาธิการ สั่งให้ตัดวิชาพระพุทธศาสนา และ วิชาศีลธรรมกับหน้าที่พลเมือง ออกไปจากหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทย

2. ปี 2524 รัฐบาลเปรมฯ ออก พ.ร.บ.อิสลาม ในปี 2525 ออกกฎหมายเพื่อมุ่งให้ความคุ้มครองมุสลิมทั่วประเทศ

3. ปี 2532 รัฐบาลชาติชายฯ ขยายผลกฎหมายอิสลามอีกหลายมาตรา ทั้งให้ตัดวิชาประวัติศาสตร์ไทยออกไปจากหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทย

4. ปี 2536 แต่งตั้งให้ผู้นำศาสนาอิสลาม นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย มีการออกกฎหมายใหม่ กำหนดให้คนไทยไม่ต้องแจ้งการนับถือศาสนาในทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน พร้อมทั้ง เชิญชวนข้าราชการมุสลิม เปลี่ยนชื่อ-สกุลให้เป็นไทย เวลาแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการเพ่งเล็งของชาวไทยพุทธ

5. ปี 2537-2539 นายอานันท์ฯ ต่อต้าน.. "บัญญัติให้พุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ ว่าเลือดจะนองท้องช้าง" ทั้งที่มีคนลงชื่อสนับสนุน 2 ล้าน 3 แสนคน??

6. ปี 2540 นายวัน มูฮะหมัดฯ รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้น สั่งกำจัดพระพุทธรูปออกจากห้องประชุมกระทรวงฯ และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อิสลาม อีกหลายมาตรา เช่น จุฬาราชมนตรีมีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรีไทย

7. ปี 2542 ประเทศไทยมีประธานกรรมาธิการศาสนาฯ ชื่อ เด่น โต๊ะมีนา เข้ามาเพื่อออกกฎหมาย "ล้วงย่ามพระ" และ "ฆราวาสปกครองพระ" ในรัฐบาลชวน

8. พ.ร.บ. ปฏิรูปการศึกษา ที่คนไทยหลงดีใจว่า ลูกหลานจะฉลาดขึ้นนั้นเกิดจากน้ำมือของคริสต์-อิสลามร่วมมือกันเขียนขึ้นมา ประธาน คือ ดร. กีรติฯ (คาทอลิค) รองประธาน คือ ดร. เกษมฯ (อิสลาม) เจตนาที่แท้จริง คือ กำจัดพุทธศาสนทายาทออกไป เนื่องจากเด็กจบ ป. 6 มีโอกาสบวชยาวมากกว่าเด็กจบ ม. 3 ผ.อ.ทุกโรงเรียน ให้ความร่วมมือดี เพราะได้ประโยชน์จากตำแหน่งและงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ตามสึกสามเณรมาเข้าโรงเรียน สามเณรจึงหายไปกว่า 90% 

9. ปี 2545 พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม เกิดขึ้นด้วยเงินงบประมาณกว่า 1000 ล้านบาท การดำเนินงานขาดทุนทุกปี จนในที่สุด ต้องยุบเลิกธนาคารชาริอะห์ ของธนาคารกรุงไทย ที่มีกำไร เพราะธนาคารกรุงไทยดูแลอย่างใกล้ชิด และ ใช้งบประมาณสนับสนุนจำนวนมาก เพื่อมาควบรวมกับธนาคารอิสลามเหลือเพียงธนาคารอิสลามฯเพียงแห่งเดียวในปัจจุบัน

10. "Time" หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลก เปิดโปงแผน Dream State ที่อิสลามหวังยึดครองประเทศไทย โดยรุกทางการเมืองจากภาคใต้ ขยายผลให้มีการเลือกพรรคของตนใน กทม. และภาคตะวันออก โดยสนับสนุนการเงินผ่านธนาคารอิสลาม

11. เมื่อ 3 ม.ค. 2547 การปล้นอาวุธจากกองทัพได้เกิดขึ้น ขบวนการล่าหัวชาวพุทธเกิดตามมาอย่างถี่ยิบ ทั้งครู ตำรวจ ทหาร ประชาชน แม้แต่พระสงฆ์สามเณร ถูกฆ่าตายรายวันอย่างทารุณ รวมทั้งชาวไทยมุสลิมที่ไม่ช่วยส่งเสริมผู้ก่อการร้าย หรือ ไม่ช่วยก่อความไม่สงบ ก็จะถูกฆ่าตายไปในคราวเดียวกันนี้ด้วย มีการก่อวินาศกรรมทุกพื้นที่ ทั้งโรงเรียนและหมู่บ้านชาวพุทธถูกเผาเป็นว่าเล่น  และได้ปล่อยตัวผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ และฟื้น ศอ.บต. 2 

12. ในวันที่ 19 ก.ย. 2549 พลเอกสนธิฯ ซึ่งเป็นมุสลิมคนหนึ่ง ปฏิวัติยึดอำนาจ ได้ทำการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นมุสลิมจำนวน 39 จังหวัด และแต่งตั้งกรรมาธิการศาสนา 11 คน เป็นคนมุสลิม 8 คน จากกรรมาธิการทั้งหมด 11 คน

13. การขยายมัสยิสไปทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ที่ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2557 ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าเร็วเกินคาดมีผู้ให้ความร่วมมือมากขึ้นในทุกภูมิภาค ทั้งกลุ่มเสื้อแดง - เหลือง - น้ำเงิน ก็ถือโอกาสเพื่อได้แนวร่วม   
มี พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์มาตรา 29 ให้อำนาจนายอำเภอจับพระสึกได้อีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากมีนายอำเภอมุสลิมนับร้อย พร้อมใช้อำนาจนี้แล้ว

14. กฎหมายอิสลามอีกหลายๆ ฉบับ ตบเท้าทยอยกันออกมาอย่างรวดเร็ว เช่น
- พ.ร.บ.บริหารองค์กรอิสลาม
- พ.ร.บ. กิจการฮัจย์ 
- พ.ร.บ. อาหารฮาลาล พ.ร.บ.ปัตตานีมหานคร ที่ขยายผลมาจาก ศอ.บต. 2 รวม 5 จังหวัด ภายใต้นโยบายการปกครอง     
  พิเศษตามระบบอิสลาม
- พ.ร.บ.การเงินชุมชนในระบบอิสลาม (Islam Micro Credit)
- พ.ร.บ.ครอบครัวและมรดกระบบอิสลาม
- พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาซูรอ
- พ.ร.บ.การจัดตั้งศาลชารีอะห์ ซึ่งใช้บังคับคนไทยทุกคนที่เกิดคดีความกับมุสลิมนับเป็นการกระทำที่เตรียมยกระดับไทย       
 ขึ้นเป็นประเทศอิสลาม ถึงกับมีการตั้งชื่อประเทศ "สยามมุสลิม" ที่พร้อมประกาศใช้ในอนาคต ฯลฯ

15. เม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท โอนผ่านธนาคารอิสลาม เพื่อใช้ซื้อที่ดินนับล้านๆ ไร่ ในทุกภูมิภาคของไทย หลายพื้นที่กำลังเร่งรีบปลูกยางพาราและข้าวบทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ เรื่องที่ 892 กระบวนการทำลายพุทธศาสนาในประเทศไทย จน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผ.อ.ดีเอสไอ ตรวจสอบพบและแถลงข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ส.ค. 2552 ถึงกับถูกย้ายทันที

16. จัดตั้งพรรคการเมืองอิสลาม มีกรรมการบริหารพรรคชาวพุทธร่วมด้วย โดยมุ่งกลืนชาติไทยอย่างเลือดเย็น เพียงเห็นแก่เม็ดเงินที่โอนผ่านธนาคารอิสลามจำนวนมาก เช่น เดียวกับบางพรรค รับเงินไป แล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท??

17. มีการอพยพมุสลิมจากอาเจะ-อินโดนีเซีย จำนวนนับล้านคน กระจายเข้าไปอยู่ทุกจังหวัดเพื่อทำตามแผนการ พ.ร.บ. การเงินชุมชนอิสลาม ที่มุสลิมเท่านั้นมีอำนาจบริหารจัดการ โดยคนไทยอาจเป็นสมาชิกได้ ภายใต้กฎกติกาของเขา ซึ่งอาจต้อง เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามในโอกาสต่อไป เราจึงเห็นมัสยิตผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ในทุกจังหวัด ด้วยเงินงบประมาณของชาวพุทธ ดังที่นายดำรง พุฒตาล นำมาแถลงในรายการโทรทัศน์

18. หลายจังหวัดที่มีผู้ว่า-นายอำเภอมุสลิม ให้ชาวมุสลิมเช่าวัดร้างนับแสนไร่ เพื่อปลูกยาง พาราหรือสร้างมัสยิดได้ 30 ปี เพื่อรอยึดหรือบีบซื้อถูกๆ แบบที่เคยทำได้มาแล้ว

               บทความที่ได้ส่งมานี้นับเป็นเรื่องน่าเศร้ามากๆ ที่คนไทยกำลังถูกปั่นหัวให้ทะเลาะกัน โดยมีผู้ประสงค์ร้ายนั่งเชียร์ และคอยรอดูความหายนะชาติบ้านเมืองของเราอยู่  แผนมุสลิมยึดประเทศแบบนี้ต้องส่งต่อให้คนไทยรู้ทั้งประเทศนะ


ภัยอิสลาม ภัยคอมมิวนิสต์ ภัยเผด็จการราชาธิปไตย?

เดียรถีย์ครองเมืองจริงๆ
ใครว่าไม่จริงไม่ไช่แน่นอน
อิสลาม มันรัฐประหาร 2 ครั้ง ยังไม้รุ้ตัวอีก
ลัทธิคอมมิวนิสต์ก็อยากได้ประเทศไทย!
ลัทธิอิสลามก็อยากได้ประเทศไทย!
แต่ที่สุด ลัทธิคอมมิวนิสต์สู้ลัทธิอิสลามไม่ได้
...ลัทธิอิสลาม ทำรัฐประหารหลอก เมื่อปี2549
พอถึง 2557ลัทธิอิสลาม มันทำรัฐประหารจริง...
และสังเกตุไหม ผู้ว่า นายอำเภอ อบจ อบต มันรับลูกกันดีจัง...ทั้งๆที่โลกแบน มันยังรับอิสลาม ไปได้ลงคอ...

มันฉลาด ให้ลัทธิคอมมิวนิสต์ โยนหินถามทางไปก่อน 
และลัทธิอิสลาม มันจับไต๋ถูกว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างไรเสีย ประชาชนรับไม่ได้แน่นอน 
...ที่สุดมันพลักคนไทยเสื่อแดงเอาเจ้าทุกคน ไปไว้ที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ว่ามึงคิดล้มล้าง สถาบัน กูลัทธิอิสลาม ต้องเข้ามาปกป้อง สถาบัน....
...ที่สุดลัทธิคอมมิวนิสต์ก็เสียรุ้ลัทธิอิสลาม...ลัทธิคอมมิวนิสต์กับแดงเอาเจ้ากลายเป็นผู้ก่อการร้าย...
ลัทธิอิสลามกลายเป็นพระเอก มาปกป้องสถาบัน...
....แม้แต่พระสงฆ์ไทย ที่รักสถาบันมากที่สุดกว่าใครๆ ลัทธิอิสลาม มันก็ยังพลักให้ไปอยู่กับลัทธิคอมมิวนิสต์ ว่าสถาบันสงฆ์ไทยคิดล้มล่างเจ้า...นายกทักษินกับแดงเอาเจ้า...รวม กลุ่มพระสงฆ์ที่รักสถาบันมากที่สุด มันก็ตบตาคนไทยว่า...คิดล้มล้าง สถาบัน...
นี้คือวาทะกรรม ที่ขุนนางมุสลิม มันสร้างวาทะกรรมให้แดงเอาเจ้ากับสถาบันสงฆ์ไทย...ตกอยู่ทีนั่งเดียวกัน...
....แล้วเราชาวไทยพุทธคน1...ก็ต้องมานั่งร้องให้กับหลายๆคน...ที่ยังไม่เข้าใจระบบวิธีคิดของ...ขุนนางมุสลิม...สุมหัวกับทหารมุสลิม...
.....ตาอินลัทธิคอมมิวนิสต์...ตานาระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตย์ทรงเป็นพระประมุข...ทะเลาะกัน รบกัน แก่งแย่งชิงดี ชิงเด่นกัน...ในที่สุด ตาอยู่คือ ลัทธิอสลาม มันมีทหารอยู่ในมือ พาไปแดกเฉย...โดยทุ่มเงินมหาศาล ไปสร้างมัสยิส ทั่วไทย อุดหนุดธนาคารอิสลาม ที่ล้มแล้วล้มอีก 2 ครั้ง แต่ไม่ทำอะไรไม่จับเข้าคุก แต่มันไปไล่บี้ ทักษิน กับ พระสงฆ์ เข้าคุก..เอวัง กูเอาตังค์มึงเอาคุก...อาเมร...

Saturday, November 19, 2016

อเนก ซานฟราน-เพียงดิน รักไทย 20 พ.ย. 2559 ตอน ล้มเจ้าแล้วได้อะไร? อนาคตรัชกาลที่ 10?

อเนก ซานฟราน-เพียงดิน รักไทย 20 พ.ย. 2559 ตอน ล้มเจ้าแล้วได้อะไร? อนาคตรัชกาลที่ 10? 

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้ง?¸



ถ่ายทอดสด อเนก ซานฟราน และ ดร. เพียงดิน หัวข้อ: ทำไมต้องล้มเจ้า? และการสร้างประชาธิปไตยช่วงรัชกาลที่ 10?

อย่าพลาด 6:30 น. นาฬิกา เช้าวันอาทิตย์ เวลาเมืองไทย 20 พ.ย. 2559
พบกับ อเนก ซานฟราน และ ดร. เพียงดิน
หัวข้อ: ทำไมต้องล้มเจ้า? และการสร้างประชาธิปไตยช่วงรัชกาลที่ 10?
ทางสถานีมหาวิทยาลัยประชาชน/ เครือข่ายมดแดงล้มช้าง /นปช. ยูเอสเอ และเครือข่ายเปลี่ยนระบอบ





ศรีสุวรรณ โวยถูกคุกคาม-ปองร้าย หลังไล่ตรวจสอบอำนาจรัฐ |

ศรีสุวรรณ โวยถูกคุกคาม-ปองร้าย หลังไล่ตรวจสอบอำนาจรัฐ | 

18 พ.ย. 2559 รายงานข่าวแจ้งว่า ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกแถลงการณ์ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรื่อง  เลขาธิการสมาคมฯ ถูกคุกคาม ปองร้ายจากการทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐ

แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่ดีในการติดตาม ตรวจสอบ การใช้อำนาจรัฐ การบริหารราชการแผ่นดินของผู้มีอำนาจที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุก ๆ รัฐบาล อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งอาจจะเป็นการขัดขวางอำนาจและผลประโยชน์ของผู้ประสงค์ร้ายต่อบ้านเมืองก็เป็นไปได้นั้น

ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่เลขาธิการสมาคมฯและชาวบ้านได้ยื่นฟ้องหน่วยงานภาครัฐต่อศาลปกครองกลาง เพื่อเพิกถอนแผน PDP2015 เสร็จแล้ว ได้นั่งรถส่วนตัวเดินทางกลับกันหลายคน แต่สังเกตเห็นว่า พอจะขึ้นรถมีชายนิรนามเดินเข้ามาถ่ายรูปเลขาธิการสมาคมฯ พร้อมกับมีรถยนต์ 2 คันได้ขับติดตามอย่างมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ขับรถจึงแสร้งเปลี่ยนเส้นทางรถ เพื่อสังเกตว่าจะยังคงถูกติดตามจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่ารถยนต์ทั้ง 2 คันดังกล่าวก็วกรถขับเปลี่ยนเส้นทางตาม ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปเส้นทางใด เลขาธิการสมาคมฯจึงตัดสินใจขับรถวกเข้า สน.บางเขน บริเวณอนุสาวรีย์หลักสี่ ซึ่งก็ปรากฏว่ารถยนต์ของผู้ขับตามเข้าไปใน สน.บางเขนเช่นกัน เมื่อทีมงานของสมาคมฯจอดรถและออกมาถ่ายภาพรถคันที่ตามดังกล่าว จึงทำให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวรู้ตัว จึงขับรถออกจาก สน.บางเขนหนีไป

กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นภัยคุกคามสิทธิ เสรีภาพ และสวัสดิภาพ และการทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดีตามนโยบายของ หน.คสช. โดยตรง เลขาธิการสมาคมฯ จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ สน.บางเขน พร้อมหลักฐานภาพถ่ายทะเบียนรถคันที่ติดตามดังกล่าวแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวไม่อาจคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้ ต่อการทำหน้าที่พลเมืองดีของเลขาธิการสมาคมฯที่มีต่อสังคมและประเทศชาติ อันมีลักษณะเป็นภัยมาใกล้เช่นนี้ อันสะท้อนให้เห็นถึงการยังคงมีพฤติการณ์ของการใช้อำนาจเถื่อน ข่มขู่ คุกคามประชาชนโยชัดแจ้ง กรณีที่เกิดขึ้นเลขาธิการสมาคมฯ จำต้องนำความรายละเอียดและหลักฐานไปยื่นขอความคุ้มครองจาก หน.คสช. และนายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์ที่ 21 พ.ย. 2559  เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (ศูนย์บริการประชาชน) ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล (ตึก กพ.เดิม) เพื่อขอความคุ้มครองจากหน.คสช. และนายกรัฐมนตรีต่อไป และหากเลขาธิการสมาคมฯถูกปองร้าย/ลักพาตัว/เสียชีวิต ก็เชื่อได้ว่ามีผลมาจากการตรวจสอบการทุจริตและประพฤติมิชอบของผู้มีอำนาจที่เลขาธิการได้ยื่นตรวจสอบไว้ต่อ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน และ สตง. ประการเดียวเท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว กรณี เบส อรพิมพ์ คือภาพสะท้อนของ "สงครามตัวแทน" ที่ชัดเจน

Pairat Makbanbueng #มิตรสหายท่านนั้นกล่าว #มันใช่
:
ท้ายที่สุดแล้ว กรณี เบส อรพิมพ์ คือภาพสะท้อนของ "สงครามตัวแทน" ที่ชัดเจน นี่คือการปะทะกันครั้งแรกหลังการสวรรคต ที่ทุกคนพร้อมใจเข้าสู่โหมดสงบเงียบ และเพียงหลังหมด30วันช่วงไว้ทุกข์ ก็เปิดศักราชระหว่างทหารกับกลุ่มการเมืองทันที

เบสนั้นเป็นตัวแทนของคนที่ทำงานรับใช้ทหาร ที่เชื่อว่าทัศนคติของคนในภูมิภาคที่เป็น "พื้นที่สีแดง"มีความรับรู้ผิดพลาดต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่ต้องเข้าไป "ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง"อย่างเร่งด่วน

จะพูดให้ถูกคือทหารมีความเชื่อแบบนั้นมายาวนานแล้วตั้งแต่ก่อนรัฐประหารด้วยซ้ำ เพราะคลิปที่มหาสารคามที่ถูกขุดมานั้นเกิดเมื่อต้นปี 2559 และเบสบอกว่าถูกว่าจ้างตั้งแต่ปลายปี 2558 ในการ "ปลุกพลังความรักสถาบันหลัก" และยอมรับกลางรายการจอมขวัญว่า "ภาคอีสานคือภาคที่เบสไปบ่อยที่สุด"

ความไม่พอใจของคนภาคอีสานคือแรงสะท้อนความอึดอัดที่มีต่อทหาร ยิ่งพอตอนเบสหลุดมาหมดเลยว่าเป็นโครงการไอโอทหาร ระดับความคลั่งแค้นเพิ่มขึ้นมากขึ้นๆ

ลองไปไล่อ่านคอมเมนต์ข่าวเกี่ยวกับเบส จะเริ่มเห็นคอมเมนต์โยงไปถึงกองทัพในฐานะผู้ว่าจ้างว่า "มีทัศนคติต่อคนอีสานอย่างไรกันแน่?" ล้มเจ้า? รักทักษิณ? ถูกหลอกง่าย? ไม่เข้าใจประชาธิปไตย(แบบคสช.)?

เพราะอีสานเป็นพื้นที่ที่ทหารไม่เคยเจาะได้ แม้แต่การทำประชามติที่เรียกได้ว่าคุมเบ็ดเสร็จ บีบเบ็ดเสร็จก็ยังชนะไม่ได้ แดงเถือกกันเกือบทั้งภาค ทหารจึงคิดว่าควรทำอย่างไรให้ "ปรับทัศนคติ"คนอีสานได้ ใช้ไม้แข็งไม่สำเร็จ ลองใช้ soft power (ที่ไม่ซอฟต์)แบบจ้างนักพูดไปไหม (ไม่ต่างจากบทบาท สมัคร-ดุสิต-ทมยันตีในหกตุลาฯ ที่ต้านคอมฯ)

พ.อ.วินธัยรีบออกมาปฏิเสธความสัมพันธ์ของกองทัพกับเบส แต่มีการขุดภาพขุดคลิปมาเรื่อยๆ เรื่องนี้ต้องจับตา อย่าให้กองทัพเทเบสเขี่ยเบสทิ้งเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง แต่มันหมายถึงทัศนคติอันตรายของกองทัพต่อคนส่วนหนึ่งของประเทศที่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

นี่คือเหตุผลที่ผมสนใจเคสของเบสมากกว่าพวกน็อต กราบรถกู หรือสมเถา แร้งแอร์เพราะพวกนั้นคือแรงปฏิกิริยาฉับพลัน ไม่ได้มีการวางแผนและคาดหวังผลล่วงหน้า.

แต่กรณีเบสนั้น ผ่านการจัดตั้ง การวางแผนมาอย่างดี อย่างที่เธอบอกว่าได้รับบรีฟเสมอก่อนที่จะไปพูดในแต่ละที่ "นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ"

ดร. เพียงดิน รักไทย 19 พ.ย. 2559 ตอน สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ นำการสร้างประชาธิปไตย

ดร. เพียงดิน รักไทย 19 พ.ย. 2559 ตอน สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ นำการสร้างประชาธิปไตย

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก






Friday, November 18, 2016

เปิดแผนลับการปฏิวัติ ของขบวนการอำนาจเก่า 3 ครั้ง ซ้อน ที่ล้มเหลว ! ในฤกษ์การปฏิวัติ ปี 59 !

เปิดแผนลับการปฏิวัติ
ของขบวนการอำนาจเก่า
 3  ครั้ง ซ้อน ที่ล้มเหลว !
 ในฤกษ์การปฏิวัติ ปี 59 !
___________________

ความพยายามอย่างยิ่ง !
ของขบวนการอำนาจเก่า
   ที่ต้องการยึดอำนาจ
เพื่ิอนำพาประเทศกลับไป
สู่การปกครอง ของขบวน
การอำนาจเก่า มีด้วยกัน
ถึง 3 ครั้งซ้อน ในปี 59
 ครั้งที่ 1  วัันที่ 25 ก ย 59
 ครั้งที่ 2  วันที่ 23 ต ค 59
 ครั้งที่ 3  วันที่ 18 พ ย 59
โดยการสร้างสถานการณ์
สำคัญให้เกิดกระแสความ
ชอบธรรมในการยึด อำนาจ โดยวิธีการดังนี้
1.ปล่อยกระแส โจมตี
สร้างข่าวเท็จ ปล่อยข่าว
ลวง ใส่ร้าย ป้ายสี 
2.กดดัน ประชาชน
พรรคการเมือง เครือข่าย
ประชาธิปไตย ต่างๆๆ
ผ่านเครือข่าย
ของขบวนการอำนาจเก่า
ด้วยวิธีการในทาง กฏหมาย สังคม สื่อต่างๆๆ
3.ระดมทุนจากเครือข่าย
อำนาจเก่าจากภาคเอกชน
 เตรียมการด้านกองกำลัง
4.สร้างกระแสมวลชน
ยืมมือ ชี้นำประชาชน
และสร้างกระแสการปฏิวัติ
ให้เป็นเครื่ิงมือในการ เคลื่อนใหว !
เพื่อสร้างปัจจัยในความ ชอบธรรมของการยึดอำ นาจเพื่อรักษาผลประ โยชน์ในเครืิอข่าย
       18 พ ย 59
     ฤกษ์การปฏิวัติ ! ความพยายามครั้งสุดท้าย
ก่อนจบสิ้นขบวนการ  อำนาจเก่าและเครือข่าย
ที่พยายามเชื่อมโยงสร้าง
กระแสความนิยมให้กับ
ผู้นำทางการเมือง โดยการเชื่อมโยงชัยชนะ
ของ ฮิลลารี่ กับผู้นำการ
เมืองไทย ของขบวนการ
อำนาจเก่า
 แต่ผิดพลาด พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน ทุกอย่าง
ล้มเหลว อย่างสิ้นเชิง
เป็นผลพวงจากการกระทำ
ที่ผิดพลาดจากขบวนการ
         อำนาจเก่า ! ที่ต้องชดใช้กรรมใน ปี 60
กันอย่างถ้วนหน้าทุกคน

        ฐิติ  ชัยนาม
        18/พ ย/59

บิ๊กตู่ (หน้าด้าน) ลั่นเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย ...ถามว่าหลักประชาธิปไตย มีอะไรบ้าง?

บิ๊กตู่ ชี้ไทยประเทศแห่งความสุข ขอแค่ไม่ตีกัน ลั่นเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย

นายกฯลงพื้นที่บริหารน้ำปทุมธานี ยันน้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 เหตุรบ.ไม่ได้ปล่อยปะละเลย ย้ำไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมต้องปลูกข้าว พร้อมระบุไทยเป็นปท.มีความสุข แค่อย่าตีกัน

เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารนิเทศน้ำแลการเกษตร(สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิผู้ว่าฯกทม. และนายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่คลองระพีพัฒน์แยกตก บริเวณประตูน้ำที่ 8 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตร พร้อมพบปะประชาชนและรับฟังปัญหา โดยมีนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯ จ.ปทุมธานี ให้การต้อนรับ

นายกฯได้กล่าวกับประชาชน โดยคำถามชาวบ้านซึ่งถามว่าน้ำจะท่วมเหมือนปี 2554 หรือไม่ โดยนายกฯกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลง ในหลวงได้สร้างเขื่อนด้านบนไว้แล้ว ฝนตกเหนือเขื่อนจำนวนมาก ทำให้น้ำไหลลงข้างล้าง แต่ตอนบนแล้ง ซึ่งรัฐบาลกำลังจะแก้ปัญหาจะทำอย่างไรให้สามารถเก็บน้ำไว้ตอนกลางของประเทศได้ ขณะนี้แต่ละพื้นที่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดี สามารถเชื่อมต่อน้ำจากคลองต่างๆ รวมถึงการใช้น้ำในการปลูกพืช

นายกฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม อย่างไรก็ต้องทำนาปลูกข้าว แต่ต้องทำอย่างไรไม่ให้ปลูกกันตอนน้ำท่วม ซึ่งพื้นที่ตรงไหนที่เป็นแก้มลิง ต้องมีการเสียสละกันได้หรือไม่ รัฐบาลจะชดเชยให้ แต่ถ้าทุกคนต้องการปลูก พอน้ำท่วมรัฐบาลก็ต้อง มันก็จะท่วมอยู่แบบนี้ แต่รัฐบาลเสียเงิน ท่านก็ต้องเสีย แล้วคุ้มกันหรือไม่ ถ้าไม่ปลูกข้าว หรือปลูกพืชอื่น ถ้าน้ำท่วมก็เสียหายน้อยลง รัฐบาลก็ยังดูแลให้ อย่างนี้เรียกว่าช่วยกันทั้งสองฝ่าย เราเข้าใจทุกคนมีปัญหาหมด ทั้งปัญหาหนี้สิน ที่เฉพาะชาวนามีมากกว่างบประมาณแผ่นดินอีก ซึ่งรัฐบาลก็กำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ แล้วมีใครเคยมาทำให้ท่านหรือไม่ ไม่มี เพราะเขาไม่คิดหรอก เขาไม่รบกับใคร แต่ตนรบกับทุกคน รบเพื่อใคร ก็เพื่อคนทุกคน เพื่อเด็กๆที่วันหน้าจะเป็นผู้ใหญ่ จะให้เขาลำบากยากจนอย่างเราหรือ ตนกำลังคิดวิธีทำให้คนรุ่นหลังสบายขึ้น

@ ชี้ 80 ปี ประชาธิปไตย ระบบยังไม่เกิด

"ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก จำไว้ ไม่ต้องตีกันแค่นั้นแหละ มีความสุขแล้ว อย่างมากบอกว่ายากจน เพราะระบบมันไม่เกิด ผ่านมากี่ปีแล้วประชาธิปไตย 80 กว่าปี ระบบมันยังไม่เกิด แต่มันต้องเกิด และมันต้องมีประชาธิปไตย เข้าใจไหม ผมเข้ามาทำการเปลี่ยนผ่านตรงนี้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ว่าจะเอาอย่างที่ผมพูด หรือจะเอาแบบเดิม ว่ายังไง จะเอาแบบไหน" นายกฯ กล่าว

จากนั้น นายกฯได้ เดินข้ามสะพานไปเพื่อตรวจดูระดับน้ำในคลองรพีพัฒน์ ก่อนที่จะเดินไปทักทาย เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล จากโรงเรียนลำพระยา ที่มารอต้อนรับประมาณ 20 คน โดยนายกฯได้พูดคุยหยอกล้อกันเด็กอย่างเป็นกันเอง ซึ่งนายกฯ แกล้งถามเด็กๆว่า"รู้จักผมมั้ย" ซึ่งเด็กๆได้ตอบกลับมาว่า"รู้จัก นายกรัฐมนตรี " นายกฯจึงสอนเด็กๆว่าต้องพูด"ครับ ค่ะด้วย เป็นคนไทยต้องพูดให้ไพเราะ ครับ ค่ะ ขอโทษ ขอบคุณ และการไหว้ นี่คือความเป็นไทย และขอให้เป็นคนดีด้วย"

Thursday, November 17, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 18 พย 59 นายกรัฐมนตรีไทย กับ กิจของราชวัง และยุคประชาพาไปมาถึงแล้ว

ดร. เพียงดิน รักไทย 18 พย 59 นายกรัฐมนตรีไทย กับ กิจของราชวัง และยุคประชาพาไปมาถึงแล้ว

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก

๙๙๙๙๙๙๙๙==============๙๙๙๙๙๙๙
คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง
ดาวน์โหลดไฟล์นี้ได้ที่ 

ด้วยความปรารถนาดีเสมอ
ดร. เพียงดิน รักไทย

คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง

คำถามสำหรับคนไทยทุกสีเสื้อ ก่อนชาติจะวายวอดด้วยน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง
ดาวน์โหลดไฟล์นี้ได้ที่ 

ด้วยความปรารถนาดีเสมอ
ดร. เพียงดิน รักไทย



Wednesday, November 16, 2016

บัณฑิต อาณีญาญ์ ท่านผู้นี้ เป็นใครกันแน่?? อ่านบทความนี้แล้ว ท่านอยากสืบค้นต่อหรือไม่?

ความฝันภายใต้ดวงอาทิตย์ของบัณฑิต อาร์ณีญาญ์

ขอบคุณ เครดิต https://freedom.ilaw.or.th/112theseriesBandit
1.
ฉันรู้จักลุงครั้งแรกผ่านตัวหนังสือ "ความฝันภายใต้ดวงอาทิตย์" หนังสือกึ่งชีวประวัติของลุง ความยาว 562 หน้า ตอนนั้นฉันอยากทำหนังสารคดีที่เกี่ยวกับมาตรา 112 คิดแค่ว่าอยากทำในแบบที่เล่าเรื่องราวชีวิตมนุษย์ ไม่ใช่แค่ให้ข้อเท็จจริงและข้อมูลเชิงวิชาการ พี่ที่ไอลอว์เป็นคนแนะนำให้ฉันรู้จักคดีของลุง แล้วให้หนังสือเล่มนั้นมา ฉันตะลุยอ่านด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด ตอนนั้นฉันรู้แค่ว่าลุงถูกศาลตัดสินว่ามีอาการทางจิต แต่ในหนังสือหากไม่นับส่วนที่มีข้อความซ้ำหลายตอน บางตอนทำให้ฉันเศร้า บางตอนทำให้ฉันหัวเราะ และตอนจบทำให้ฉันร้องไห้
 
หนังสือเผยให้เห็นชีวิตของลุงที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ถูกกดขี่ ถูกเอารัดเอาเปรียบ แฝงด้วยลีลาการเล่าเรื่องเสียดสีประชดประชันแกมขบขัน และบางตอนก็ทำให้หลุดลอยเข้าไปในจินตนาการเหนือจริงของลุง  ขณะเดียวกันก็เห็นความจริงที่ลุงต่อสู้ดิ้นรน แสวงหาความรู้ ใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์เท่าที่สภาพแวดล้อมจะเอื้ออำนวย แม้บางครั้งต้องทำชั่วเพื่อเอาชีวิตรอดลุงก็ยอมรับและเปิดเผยออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ
 
ที่น่าสนใจคือมุมมองของลุงที่มีต่อโลก ลุงมองลึกลงไปในใจของผู้คน กระชากหน้ากากภายนอกของพวกเขาออก เปลื้องให้เห็นถึงความจริงภายใน ลุงปฏิเสธสิ่งที่คนในสังคมปฏิบัติ นั่นคือการไม่ตั้งคำถามหรือวิพากษ์วิจารณ์กับหลายๆสิ่ง ลุงตั้งคำถามถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมและการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม
ฉันรู้ในทันทีว่าอยากทำสารคดีเกี่ยวกับลุง และไม่สำคัญเลยว่าใครจะตัดสินลุงว่าอย่างไร
 
520

บัณฑิตที่เชียงดาว 
2.
ฉันพบลุงครั้งแรกในศาลทหาร ชายชราผมสีดอกเลาตัดสั้นเรียบแปล้ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงขากระบอกสีดำ และสะพายย่ามสีขาว ย่ามวิเศษที่ล้วงออกมาเมื่อไหร่มักเจอหนังสือยกชุดสี่เล่มของลุงที่ลดจาก 900 บาทเหลือ 200 บาทก็ยังไม่มีใครซื้อ
 
วันนั้นฉันและเพื่อนได้รับหนังสือมาฟรีคนละชุด เราไปนั่งคุยกันต่อที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ลุงตัวจริงก็มีส่วนคล้ายกับหนังสือที่ฉันอ่าน แต่วันนั้นฉันได้เห็นความดื้อดึงบางอย่างในตัวลุง ฉันไม่ได้มองว่าเป็นข้อเสียไปทั้งหมด แต่คิดว่าถ้าลุงไม่ดื้อลุงก็คงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ อาจจะไม่โดนข้อหา 112 อาจจะไม่ต้องแยกทางกับครอบครัว แล้วก็อาจจะไม่ได้เขียนหนังสือ และถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงรู้สึกเสียดาย
 
ครั้งแรกที่ฉันไปบ้านลุงพร้อมแบกกล้องวิดีโอและขาตั้งกล้องไปอย่างพะรุงพะรัง ลุงลุกจากเก้าอี้ไม้ตัวโปรดข้างชั้นวางของ คะยั้นคะยอให้ฉันดื่มกาแฟที่ลุงชงให้
ห้องของลุงเรียบง่าย โล่งตา ดูสะอาด และไม่มีเตียงนอน แต่มีหนังสือกองโตที่ลุงเขียน เอกสารเกี่ยวกับคดีและเรื่องสั้นที่ลุงแปลบ้างแต่งบ้าง วางอยู่ในกล่องอย่างเรียบร้อย แต่ลุงมักบ่นว่าหาอะไรก็ไม่ค่อยเจอ ที่โต๊ะทำงานมีเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่าแก่แต่ยังใช้การได้ดีวางอยู่ ข้างๆ เป็นดิกชันนารี่อังกฤษ-ไทยเล่มใหญ่ และปึกกระดาษเรื่อง Father and son ของ Ivan Turgenev นักเขียนชาวรัสเซีย ฉันถามว่าทำไมลุงถึงแปลเล่มนี้
 
"มันก็มีส่วนคล้ายชีวิตผมเหมือนกันมั้ง เรื่องนี้พ่อกับลูกก็ขัดแย้งกัน คล้ายๆ เตี่ยกับผม" ลุงเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่ในอดีตความขัดแย้งระหว่างลุงกับพ่อของลุงคงไม่อาจใช้คำบรรยายว่าราบเรียบได้
 
"ผมมาเมืองไทยตอน 6 ขวบ มาพร้อมแม่กับย่า มาอยู่โคราช เตี่ยผมมีเมียน้อยอยู่ที่นี่ ตอนเด็กๆ ผมเห็นเตี่ยตีแม่ผมด้วยด้ามไม้กวาดบ้าง ไม้ขัดหม้อบ้าง บางทีก็รองเท้ายางหนาๆ แม่เลี้ยงก็ใช้ให้แม่ผมทำงานหนัก สุดท้ายแม่ผมโดนคนข่มขืนจนท้อง ถูกเตี่ยส่งไปอยู่ที่โรงพยาบาลโรคจิตแล้วก็ตายในฐานะเป็นคนไข้อนาถา"
 
เมื่อได้คลุกคลีกับลุงนานเข้า ฉันจึงเข้าใจถึงความเจ็บปวดคับแค้นแสนสาหัสของลุงในเรื่องนี้ และเข้าใจได้ว่าทำไมงานเขียน ความคิด และการแสดงออกของลุง จึงมักอยู่กับเรื่องความไม่เป็นธรรมในสังคม และการกดขี่จากผู้มีอำนาจสูงกว่า
 
ผลงานการเขียนและการแปลของลุงมีเกือบ 50 เล่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้นของ บี.ทราเวน นักเขียนชาวเยอรมัน หรือนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น ผลงานขอ
งลุงส่วนใหญ่จัดพิมพ์โดยเพื่อนสนิทที่คบหากันมานานหลายปี บางเล่มก็พิมพ์เอง น่าเสียที่ผลงานของลุงมักขายไม่ออกและต้องเอามาขายเลหลังเล่มละไม่กี่บาท
"หนังสือผมมันไม่มีคนอ่าน พิมพ์ไปก็ขายไม่ออก" ลุงพูดเปรยๆ ขึ้นมาในบางครั้ง นอกจากเรื่องนี้ลุงก็ตัดพ้อด้วยความน้อยใจว่าผลงานของแกถูกคนอื่นขโมยไปใส่ชื่อแล้วตีพิมพ์ 
 
แต่ความท้อใจก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไฟในการผลิตผลงานของลุงได้ พอฉันเจอลุงในวันต่อมา ลุงก็ยื่นเรื่องสั้นเรื่องใหม่ที่เพิ่งแต่งจบให้ฉันอ่าน แล้วถามอย่างกระตือรือร้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง บางโอกาสเราถกเถียงกันเรื่องการเมือง สังคม ศาสนา ไปจนถึงชีวิตและวิธีคิดในบางประเด็น ความคิดเห็นของเราขัดแย้งกันบางเรื่อง แม้ลุงจะยึดมั่นในความคิดของตัวเองอย่างแน่วแน่ แต่ลุงก็ฟังความคิดเห็นของฉันเสมอ
 
ตอนนี้ลุงอายุ 75 ปี อาศัยอยู่คนเดียวบนชั้นสามของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในย่านหนองแขม ลุงเคยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ต้องตัดไตออกข้างหนึ่งรวมทั้งกระเพาะปัสสาวะด้วย แทนที่ด้วยถุงปัสสาวะที่ต้องใส่ติดตัวตลอดเวลา แต่ภายนอกลุงยังดูแข็งแรงเดินเหินปกติ ทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว เดินทางไปตามงานเสวนาที่ต่างๆ เป็นประจำ สะพายย่ามคู่ใจที่ภายในมีหนังสือ เรื่องสั้น หรือเอกสารเกี่ยวกับคดีของแก บ้างก็แจกจ่าย บางทีโชคดีก็ขายได้
 
3.
"ผมสงสัยมากเลยนะว่าพวกดวงดาว จักรวาลมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง"
ลุงตั้งคำถามขึ้นมาอย่างที่ชอบทำ ตอนนั้นเราสี่คนนอนดูดาวกันที่เชียงดาวระหว่างที่ไปถ่ายทำสารคดี คืนนั้นเป็นคืนฟ้าเปิด เห็นดาววาววับมากมาย เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
"ทฤษฎีบิ๊กแบงไงคะ" ฉันตอบ "ไอ้หนังสือพวกนั้นผมก็อ่านมาบ้าง แต่เข้าใจยากเกินไป  ผมอยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้นะ เหมือนที่ผมสงสัยว่าพืชมันเจริญเติบโตขึ้นมาจากใต้ดินได้ยังไง คิดดูสิ ดินมันก็เป็นแค่ดิน แต่ดินเป็นที่มาของพืชทุกชนิด มันเป็นความมหัศจรรย์นะ"
คำถามซื่อๆ กระตุ้นให้ฉันคิดถึงหนังสือเล่มแรกของลุงที่ฉันอ่าน ในตอนจบลุงก็ลงท้ายด้วยคำถามแบบนี้เช่นกัน
 
ความมหัศจรรย์ของลุงนั้นเรียบง่ายเหลือเกิน
 
ลุงดำรงอยู่ด้วยความคิดและความสงสัยต่อชีวิตและจุดกำเนิดของมัน เช่นที่ลุงเฝ้าสงสัยเกี่ยวกับการกำเนิดดวงดาวจักรวาลและพรรณพืช เช่นที่ลุงชอบนั่งดูคลิปเกี่ยวกับดาวอังคารในมือถือ เช่นที่ลุงเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะมีจริง เช่นที่ลุงชอบเลี้ยงนกและเฝ้ามองพวกมันหากิน ขณะเดียวกันชีวิตลุงก็มีปมปัญหาที่ไม่อาจสลัดหลุด ลุงยึดติดอยู่กับอดีตบางอย่างอันน่าขมขื่นที่ชั่วชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งคงไม่อาจลืมได้ ลุงทำให้ฉันเข้าใจว่าชีวิตมนุษย์มีความซับซ้อนและลึกลับเกินกว่าที่ใครคนหนึ่งจะไปตัดสินการกระทำของเขาหรือบอกให้เขาปล่อยวางได้
 
ฉันจะไม่ตัดสินและไม่บอกให้ลุงปล่อยวาง ถ้าลุงจะเขียนหนังสือหรือขึ้นไปพูดในวงเสวนาไหนๆ ฉันจะเป็นคนรับฟัง เพราะความฝันอย่างหนึ่งที่ลุงต้องการคงเป็นการได้แสดงความเห็นอย่างซื่อตรงและเปิดเผยโดยไม่ถูกปิดกั้นหรือตัดสินจากใคร

ดร. เพียงดิน รักไทย มดแดงจะล้ม คสช. -เครือข่ายราชาธิปไตยอย่างไร? ตอน 6 แนวรบกองทัพโจรมาเฟีย

ดร. เพียงดิน รักไทย มดแดงจะล้ม คสช. -เครือข่ายราชาธิปไตยอย่างไร? ตอน 6 แนวรบกองทัพโจรมาเฟีย
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

Sunday, November 13, 2016

ดาวดวงเมือง ของประเทศไทยวันนี้ (ใช้วิจารณญาณประกอบ)

ดาวดวงเมือง
1 มฤตยูทับดวงเมือง ทับอาทิตย์ ทับเจ้าเรือนเมษคืออังคาร
2 ดาวประจำเมืองคืออังคาร ถูกเสาว์เล็งในเรือน มรณะ
3 สูตรพระเคราะห็สนธิ
3+1+7+0=ผ่าตัด อุบัติเหตุ การสังหาร การฆาตกรรม
4 ดาวบาปพระเคราะห์ อีกตัวคือ ราหู อยู่ราศีสิงห์ ตรีโกณฑ์ถึงลัคนา=บีบลัคนา
ส่วนเสาว์ข้อ3 เรียกเทียบเท่าเล็งลัคนาดวเมือง
5 ดาวตัวช่วยคือ พฤหัส คือ ความยุติธรรม ศาล ที่พึ่งทางกฎหมาย ลงราศีกันย์ ซึ่งเป็น อริ กับดวเมือง  =ความยุติธรรมไม่มี
6 พฤหัสราศีกันย์ถือเป็นตำแหน่งไม่ดี เรียกภาษาโหรว่า  ประ = ผิดศีลธรรม พระเป็นอลัชชี  ความเสื่อมของวงการยุติธรรม

   สรุป บ้านเมืองเหมือนถูกตรึงบนไม้กางเขน ้เหมือนรอหลั่งเลือด ประหารกัน
  เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้